
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ย.65 ปิด 1,614.95 จุด ลดลง 5.03 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 59,154.40 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,324.15 ล้านบาท
เศรษฐศาสตร์ หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BDMS ปิดที่ 29 บาท ลบ 1.25 บาท, CPALL ปิด 62.50 บาท บวก 1.50 บาท, AOT ปิดที่ 74.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTT ปิด 33 บาท ลบ 0.50 บาทตลาดปรับตัวลงต่อ รับภาพรวมงบการเงินไตรมาส 3 ออกมาแย่กว่าที่คาด ขณะที่บรรยากาศภาพรวมยังถูกดดันจากต่างประเทศ ทั้งความกังวลจีนอาจกลับมาปิดเมืองอีกรอบ และผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯออกมาผิดคาดขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวเล็กน้อย หลังจากอ่อนตัวลงในวันก่อนหน้า ตลาดหุ้นอังกฤษเคลื่อนไหวทรงตัว ระหว่างรอดูการเปิดเผยแผนนโยบายการคลังของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Jeremy Hunt ซึ่งคาดว่าจะมีการลดงบประมาณรายจ่าย และปรับเพิ่มภาษีอย่างมีนัยสำคัญและล่าสุด ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 bps. เป็น 5.25% ถือเป็นการปรับขึ้นระดับ 50 bps. เป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียยังทรงตัวในระดับสูง
ซึ่งล่าสุด เดือน ต.ค. อยู่ที่ 5.71%โฟกัสหุ้นรายตัวที่ บล.หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BJC การเข้าสู่เทศกาลบอลโลกเป็นบวกทั้งต่อธุรกิจขวดแก้ว
และธุรกิจค้าปลีกผ่าน BIGC แนะนำ “สะสม” อีกตัว CPALL เร่งตัวขึ้นอีก ปัจจัยหนุน คือ หากไทยได้ถ่ายทอดลิขสิทธิ์บอลโลกจะช่วยเพิ่มสีสันและกำลังซื้อให้กับกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ 24 ชม.ปิดท้าย โฟกัสหุ้น WICE บล.ทิสโก้ ระบุว่า จากการประชุมกับผู้บริหารของ WICE ผลประกอบการจะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลักคือ ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการขนส่งทางทะเล, การส่งออกอาหารไปจีนที่เพิ่มขึ้น, การเปิดตลาดใหม่ที่ไต้หวันภายใต้การขนส่งทางอากาศ แต่เชื่อว่าเป้ารายได้ 9 พันล้านบาท มีความเสี่ยงที่จะต่ำกว่าคาด ทำให้ปรับประมาณการลง ข่าวเศรษฐศาสตร์ แม้บริษัทคาดว่าจะโต 15-20% YoY ในปี 2023F ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยคาดไว้เพียง 6% YoY ในเชิงบวกอัตรากำไรสุทธิที่ 8% สำหรับช่วง 9M22 ดีกว่าที่เราคาดที่ 7% และดีขึ้น QoQ มีความเสี่ยงเชิงบวกจากโอกาสในการทำ M&A